top of page
ค้นหา

"หลวงพ่อเณร ญาณวินโย"วัดทุ่งเศรษฐี กทม. เกจินักพัฒนาสายวิชาครูบาอาจารย์ชื่อดัง ผู้สืบสานวิชายันต์เกราะเพชรตำรับ“ปู่ปาน”

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 19 มิ.ย. 2567
  • ยาว 2 นาที

"หลวงพ่อเณร ญาณวินโย"วัดทุ่งเศรษฐี กทม.

เกจินักพัฒนาสายวิชาครูบาอาจารย์ชื่อดัง

ผู้สืบสานวิชายันต์เกราะเพชรตำรับ“ปู่ปาน”


ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ขอนำเสนอประวัติพระราชพัฒนโสภณ หรือ"หลวงพ่อเณร ญาณวินโย" เจ้าอาวาสวัดทุ่งเศรษฐี (ราม ๒)ถนนบางนา-ตราด ก.ม. ๘ แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ หนึ่งในพระเกจินักพัฒนาและมีความสามารถทางวิทยาคมที่โด่งดังระดับแนวหน้าของเมืองกรุง โดยสืบสานวิชาตำรับหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว,หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา,หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค(ยันต์เกราะเพชร) วิชาสายเหนือ สายเขาอ้อ สายลาว สายพม่า สายเขมร อีกทั้งได้รับการถ่ายทอดพุทธาคมจากอดีตเกจิดังหลายองค์ อาทิ หลวงพ่อทับ วัดสลุด,หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์,หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม,หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน,หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง,หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ฯลฯ


ท่านมีนามเดิมว่า "วินัย" นามสกุล "โพธิ์สุข"

เกิดวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๐๕ (ขึ้น ๖ ค่ำเดือน ๕) ที่บ้านเลขที่ ๒๘ หมู่ ๗ แขวงดอกไม้ เขตประเวศ(จากเดิมเขตพระโขนง) กรุงเทพฯ

บิดาชื่อ นายบุญมา มารดาชื่อ นางสมนึก


วัยเยาว์ท่านได้อยู่ที่วัดสลุด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กับพระครูสมุทรสิริวัฒน์ หรือ"หลวงพ่อทับ" เจ้าอาวาส ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว (อุปัชฌาย์ของหลวงปู่เผือกคือ หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา) โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อทับ จนกระทั่งได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยตำราเก่าของหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว รวมถึงตำราของหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ได้ตกทอดมาถึงหลวงพ่อเณร


เมื่ออายุ ๑๖ปีจึงเข้าบรรพชา เมื่อวันที่ ๑๓ มี.ค. ๒๕๒๑ โดยมีหลวงพ่อทับ วัดสลุด เป็นพระอุปัชฌาย์ เพียงปีแรกก็ออกเดินธุดงค์แสวงหาความรู้และเดินทางหาครูบาอาจารย์ ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร ท่านได้ธุดงค์ไปที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทย ลาว พม่า เขมร เพื่อศึกษาหาวิชาความรู้ด้านต่างๆ เมื่อกลับจากธุดงค์แล้วท่านได้ใช้วิชาเพื่อสงเคราะห์สานุศิษย์และญาติโยมผู้ทุกข์ร้อนด้วยสาเหตุนานาประการ กิตติศัพท์ของท่าน

ก็เริ่มร่ำลือแผ่ขยายออกสู่ภายนอกกว้างออกไปทุกที จนกลายเป็นครูบาอาจารย์ของบุคคลทั้งหลาย ทั้งที่ยังเป็นเพียงสามเณร คนทั้งหลายที่ศรัทธาจึงพากันยกย่องและเรียกท่านว่า “หลวงพ่อเณร”


เมื่ออายุ ๒๐ ปีได้เข้าอุปสมบทณ วัดสลุด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อ วันที่ ๖ ก.พ. ๒๕๒๕ โดยมีพระธรรมวโรดม (ต่อมาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารี) เจ้าคณะภาค ๑ เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา แขวงสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสมุทรสิริวัฒน์ (หลวงพ่อทับ) วัดสลุด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระรัตนเมธี (ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระเทพวิริยาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ เป็นพระอนุสาวนาจารย์


หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี ผู้ที่เป็นทั้งอาจารย์และเป็นผู้ที่ดูฤกษ์บวชให้

หลวงพ่อเณร และพระที่นั่งอันดับในงานบวชล้วนเป็นเกจิอาจารย์ดับในยุคนั้นทั้งสิ้น ซึ่งหลวงพ่อเณรก็ได้ศึกษาศาสตร์ต่างๆจากเกจิอาจารย์เหล่านั้นด้วย พอบวชได้เพียง ๑ ปีก็มีลูกศิษย์สร้างเหรียญถวาย ซึ่งถือว่าเป็นเหรียญรุ่นแรกของท่าน


ต่อมา"ครูแสวง พัตบุญมา" ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้มีจิตศรัทธาเป็นมหากุศล ได้บริจาคที่นาของตนให้เป็นที่ตั้งวัด ช่วงแรกยกให้จำนวน 10 ไร่ก่อนจนปี 2528 ได้ทั้งหมด 18 ไร่กว่า เนื่องจากบริเวณสถานที่ตั้งวัดเป็นที่นาที่อุดมสมบูรณ์มาก จึงเป็นที่มาของชื่อ"ทุ่งเศรษฐี"

เมื่อได้ถวายที่ให้ตั้งวัดแล้ว สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารีมหาเถร) ให้หลวงพ่อเณร ซึ่งพึ่งบวชได้เพียง 1 พรรษา ให้เตรียมตัวเพื่อตั้งวัดทุ่งเศรษฐี แต่เนื่องจากเป็นที่นาเก่าจึงต้องถมดิน โดยครูแสวงได้ยกดินในที่ของท่านให้หลวงพ่อเณรเอาไปถมวัดอีกด้วย มีคนช่วยเรื่องเครื่องจักรแต่ขาดค่าน้ำมัน 300,000 บาท จึงต้องหาเงินทุนมาใช้

ในช่วงนั้น หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการามทราบว่า หลวงพ่อเณรจะตั้งวัด ท่านจึงมาช่วยที่งานประจำปีตลอดงานทุกวัน หลวงพ่ออุตตมะได้ถ่ายทอดวิชาการทำลูกประคำแบบเต็มสูตรของท่านให้กับหลวงพ่อเณร ในงานนี้อีทั้งให้คนทำสร้อยประคำมาจำหน่ายที่วัดสลุด เพื่อหาเงินทุนค่าน้ำมันให้ด้วย มีที่เป็นไม้ และสีขาวที่เป็นงาช้างกับกระดูกช้าง ทั้งนี้ หลวงพ่อเณรท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งแต่ช่วงที่เป็นเณรที่ท่านออกจากวัดสลุดไปธุดงค์และได้สอนมาเรื่อยจนถึงปี 2526


สมณศักดิ์ ปี ๒๕๓๒ เป็น พระครูปลัดสัมพิพัฒนธีราจารย์ พระครูปลัดฐานานุกรม ในสมเด็จพระธีรญาณมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๑ เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา กรุงเทพฯ ปี ๒๕๔๘ โปรดเกล้าฯ พระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ “พระพิศาลพัฒนาทร” ปี ๒๕๕๓ โปรดเกล้าฯพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ “พระราชพัฒนโสภณ"


วิทยฐานะ สอบได้นักธรรมเอก สำนักเรียนวัดสลุด,ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง,ได้รับปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


ในด้านวิทยาคม หลวงพ่อเณรท่านได้สืบสานวิชายันต์เกราะเพชรตำรับ “หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค” จาก “หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (หลวงพ่อช่อ อภินันโท) วัดฤกษ์บุญมี” ศิษย์เอกหลวงปู่ปานอีกรูปหนึ่ง จากการแนะนำของสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารี) พระอุปัชฌาย์

นอกจากนี้ หลวงพ่อเณรได้ศึกษาวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆโดยตรง ด้วยตัวท่านเอง อาทิ หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี, หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี,หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง,หลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล จ.เชียงใหม่, หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่,ครูบาหมวก (ศิษย์ครูบาศรีวิชัย) วัดดอนชัย จ.เชียงใหม่,หลวงพ่อบุญเย็น (หลวงพ่อประกาศิต) สำนักพระเจ้าพรหมมหาราช จ.เชียงใหม่


หลวงปู่อิน วัดลาดท่าใหม่ จ.จันทบุรี หรือหลวงพ่ออินเทวดา (ศิษย์หลวงปู่จัน วัดนางหนู และ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี, หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง,หลวงปู่ชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง,หลวงปู่นิด วัดทับมา จ.ระยอง,หลวงพ่อช่วย วัดไตรมุก จ.ชลบุรี (ศิษย์หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย) หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี จ.กรุงเทพฯ หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม จ.กาญจนบุรี,พระปลัดใบ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม (ศิษย์เอกหลวงปู่เพิ่ม) หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง จ.อยุธยา,หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา จ.อยุธยา


หลวงปู่พรหมมา วัดสวนหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี,หลวงปู่เคน วัดแซ่อุดมสุข จ.อุบลราชธานี,หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์,หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์, หลวงปู่ผูก วัดเกาะ จ.เพชรบุรี (ศิษย์หลวงพ่อมี วัดพระทรง)

หลวงพ่อเปล่ง วัดวังไคร้ จ.เพชรบุรี (ศิษย์หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี)

,หลวงพ่อสุด วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร,หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง จ.สมุทรสาคร

หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ,หลวงพ่อสนิท วัดบางวัว จ.ฉะเชิงเทรา (ศิษย์หลวงพ่อดิ่ง) หลวงพ่อจ้อย วัดหนองน้ำเขียว จ.ชลบุรี, สมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี (จวน นาถ) สมเด็จสังฆราช ประเทศเขมร,หลวงพ่อท่านเลิบ ฐิตสทฺโธ วัดทองตุ่มน้อย จ.ชุมพร (ศิษย์เขาอ้อ) ฯลฯ


กล่าวได้ว่า หลวงพ่อเณรท่านคือขุมคลังแห่งศาสตร์วิชาความรู้เก่าแก่ อาจเป็นเพราะอำนาจบุญบารมีที่ท่านสั่งสมมา จึงได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของคนทั้งหลาย จนสามารถตั้งวัดพัฒนาจากแผ่นดินกลางนามาเป็นวัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2) ดังที่เห็นในปัจจุบัน


ในด้านวัตถุมงคลท่านสร้างออกมาเยอะทั้งพระเครื่องและเครื่องรางต่างๆ โดยแบ่งเป็นช่วงที่ 1สมัยเป็นสามเณร 2521-2525 อยู่วัดสลุด ช่วงที่ 2 เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุ 2525 - 2527 ยังจำพรรษาอยู่วัดสลุด ช่วงที่ 3 หลังย้ายมาตั้งสำนักสงฆ์ทุ่งเศรษฐี (ระหว่างการขออนุญาตจัดตั้งวัด) 2527 -2528 ช่วงที่ 4 ได้วิสุงคามสีมา เป็นวัดทุ่งเศรษฐี โดยสมบูรณ์ ปี2529 เป็นต้นไป


 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page