top of page
ค้นหา

พระราชพัฒนสุนทร "เจ้าคุณหมูเขี้ยวแก้ว" เกจิดังนักพัฒนาสายรามัญ วัดทรงธรรม เจ้าตำรับเครื่องรางชูชก

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

พระราชพัฒนสุนทร "เจ้าคุณหมูเขี้ยวแก้ว" เกจิดังนักพัฒนาสายรามัญ วัดทรงธรรม

เจ้าตำรับเครื่องรางชูชก"เมตตา/โชคลาภ"

ในวาระมงคลวันที่ 2 สิงหาคม 2566 พระราชพัฒนสุนทร เจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหาร เจ้าคณะอำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ หรือที่ชาวบ้านเรียกขาน "เจ้าคุณหมูเขี้ยวแก้ว" จะมีอายุครบรอบ 63 ปี ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ จึงขอนำเสนอประวัติเกียรติคุณเพื่อร่วมเผยแพร่บารมีของท่านมา ณ วาระมงคลนี้

ท่านมีนามเดิมว่า "ไพโรจน์" นามสกุล"อินทรวิสูตร"เป็นชาวปากน้ำโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2503 ที่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 6 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ บิดาชื่อ "นายชะมด" มารดาชื่อ "นางแถม"

ชีวิตในวัยเด็ก เป็นคนที่เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน ชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดกับเด็กอื่นวัยเดียวกัน สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนวัดทรงธรรม ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อปีพ.ศ.2520

ต่อมาอายุ 23 ปี ได้เข้าบรรพชาและอุปสมบท ในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2526 ณ วัดทรงธรรมวรวิหาร โดยมี พระอุดมวิจารณ์ (เจริญ ธมมจารี ต่อมาเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชวิสารท) วัดทรงธรรมวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดสมพิศ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระครูสมุทรวราภรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

หลังอุปสมบทได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรม จน สอบไล่ได้นักธรรมเอก สำนักเรียนคณะจังหวัดสมุทรปราการ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ในปีพ.ศ.2536 ท่านมีความชำนาญพิเศษในด้านการก่อสร้าง, ออกแบบโครงสร้างควบคุมการก่อสร้างเสนาสนะภายในวัด,ความสามารถในภูมิปัญญาท้องถิ่นในการประดิษฐ์ลวดลายไทยรามัญโบราณ, การประดิษฐ์โลงมอญ,การออกแบบสร้างเมรุปราสาทมอญ 5 ยอด และ 9 ยอด เพื่อการอนุรักษ์

ตำแหน่งงานปกครอง พ.ศ.2534 เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พ.ศ.2536 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดทรงธรรมวรวิหาร พ.ศ.2544 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหาร เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2544 (ภายหลังพระราชวิสารทมรณภาพ) พ.ศ.2547 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส พระอารามหลวงวัดทรงธรรมวรวิหาร พ.ศ.2548 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2550 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พ.ศ. 2559 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ

สมณศักดิ์ พ.ศ.2534 ได้รับตำแหน่งเป็น พระครูสมุห์ฐานานุกรม ในพระราชวิสารท พระราชาคณะชั้นราช วัดทรงธรรมวรวิหาร

พ.ศ.2540 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นโทที่ "พระครูวิจิตรวิหารการ"

พ.ศ.2546 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษที่ "พระครูวิจิตรวิหารการ" พ.ศ.2550 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอกในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2553 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่"พระสิทธิพัฒนาทร" พ.ศ.2559 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชพัฒนสุนทร"

ด้วยท่านมีเชื้อสายรามัญโดยกำเนิด สิ่งที่เป็นแบบอย่างอันดีของท่านคือ มีความรู้ความเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไทยเชื้อสายมอญ ยังคงข้อวัตรปฏิบัติของพระรามัญ (รามัญนิกายเดิม) ในการครองสมณเพศและปกครองคณะสงฆ์ในพระอารามตามแบบบูรพาจารย์ อีกทั้งยังเป็นที่เคารพศรัทธาของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่ได้แวะเวียนมากราบท่านเป็นประจำ

"เจ้าคุณหมู"ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มากด้วยความเมตตา มีลูกศิษย์ลูกหาเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ วัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมในหมู่นักสะสมหลายอย่าง อาทิ ชูชกไม้แกะ ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวเวสสุวรรณไม้แกะ เป็นต้น

ชื่อเสียงของเจ้าคุณหมู ที่ขจรขจายไปทั่วนั้นมาจากการจัดสร้างวัตถุมงคลจนจะเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงและพุทธคุณมากที่สุดของท่านนั่นก็คือ"เครื่องรางชูชก" ซึ่งท่านได้จัดสร้างตามรูปแบบของชูชกโบราณที่ตกทอดเก็บรักษาไว้ภายในวัด

ทั้งนี้ จากกระแสที่มีคำเล่าลือกันว่า “พระราชพัฒนสุนทร” หรือ “ท่านเจ้าคุณหมู” มีเขี้ยวอยู่บนเพดานปาก ที่นิยมเรียกว่า “เขี้ยวแก้ว” และมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ไม่น่าจะจริง เพราะลักษณะแบบนี้จะเกิดขึ้นยาก ที่เห็นมีก็แต่ “หลวงปู่กาหลง” เท่านั้น ที่มี “เขี้ยวแก้ว” ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้โด่งดังแห่งวัดเขาแหลม อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ลูกศิษย์ลูกหามักเรียกขานท่านว่า "หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว" ด้วยท่านเป็นพระเถราจารย์หนึ่งเดียวที่มีเขี้ยวแก้วกลางเพดานปาก

ด้วยเหตุของการกังขาของบรรดาศิษย์ ครั้งหนึ่งทีมข่าว"คัมภีร์นิวส์" จึงเข้าไปขออนุญาตดูภายในปากของ “เจ้าคุณหมู” ซึ่งท่านก็ปฏิเสธการให้ดูมาตลอด เพราะเห็นว่าไม่จำเป็น แต่เมื่อลูกศิษย์มีข้อกังขาและถกเถียงกัน ท่านจึงยอมอ้าปากให้ดู ปรากฏว่าท่านมี “เขี้ยวแก้ว” ที่กลางเพดานปาก เฉกเช่น หลวงปู่กาหลง ซึ่งว่ากันว่าเป็นผู้มีบุญทางพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้บรรดาศิษย์จึงนิยมเรียกท่านว่า “เจ้าคุณหมูเขี้ยวแก้ว” สืบต่อกันมา




 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page