"ย้อนรอยเกจิดัง"
ประจำวันอาทิตย์ที่ 11 มิ.ย. 2566
"หลวงปู่กุหลาบ ธมฺมวิริโย"เกจิดังเมืองนนท์
ศิษย์สมเด็จ(นวม)/สายพุทธาคมวัดสพานสูง
อาจารย์"หลวงพ่ออ่าง"วัดใหญ่สว่างอารมณ์
"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ
พระนันทวิริยาจารย์ หรือ"หลวงปู่กุหลาบ ธมฺมวิริโย" อดีตเจ้าคณะอำเภอปากเกร็ด อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่สว่างอารมณ์ ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ศิษย์สายสมเด็จพุฒาจารย์(นวม พุทธสโร) อดีตเจ้าอาวาส วัดอนงคาราม เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ศิษย์หลวงปู่ช่วง อดีตเกจิดังวัดบางแพรกใต้ และหลวงปู่สุ่น วัดศาลากุน จ.นนทบุรี
ชาติภูมิของหลวงปู่กุหลาบเป็นชาวจังหวัดนนทบุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2443 ที่บ้านเลขที่ 10 หมู่2 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี บิดาชื่อนายชุ่ม มารดาชื่อนางเปีย นามสกุล"รักเดช" มีพี่น้องร่วมท้อง5คน
วัยเยาว์เรียนหนังสือจบชั้นประถมฯที่วัดละหาร .บางบัวทอง เมื่ออายุครบ 11 ปีได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมีพระครูธรรมโสภิต(เปลื้อง) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้เรียนจนจบชั้นมัธยมปีที่1 แล้วย้ายไปพำนักอยู่วัดอนงคาราม กรุงเทพฯ ศึกษาร่ำเรียนพระธรรมวินัยอยู่กับ "สมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทธสโร)"
เมื่ออายุครบ 21 ปี จึงเดินทางกลับมาอุปสมบทอีกครั้งที่วัดละหาร จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 21เมษายน พ.ศ.2463 โดยมีพระครูนนทวุฒาจารย์ (หลวงปู่ช่วง) วัดบางแพรกใต้ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อต่วน วัดละหาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชุ่ม วัดประชารังสรรค์(วัดหญ้าไทร) อ.เมือง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ จากนั้นจึงกลับไปพำนักแบะเรรยนพระธรรมวินัยที่วัดอนงคารามตามเดิม
ในสมัยที่หลวงปู่กุหลาบพำนักอยู่วัดอนงคาราม ท่านเล่าเรียนทางธรรมจนสิบได้นักธรรมชั่นตรีและชั้นโท อีกทั้งเคยได้รับนิมนต์ให้ไปแสดงพระธรรมเทศนาในพระราชวังอยู่เสมอ
ที่สำคัญ ทุกครั้งที่สมเด็จพุฒาจารย์(นวม) ติดธุระไม่อยู่วัด เมื่อมีใครเจ็บไข้ หรือเดือดร้อนสิ่งใดมา ท่านก็ช่วยแก้ไขรักษาให้แทนทุกครั้ง อีกทั้งบางครั้งคราว สมเด็จฯ (นวม) ยังให้ท่านถือพัศยศของสมเด็จฯ ไปนั่งร่วมพิธีแทนกับพระเถราจารย์รูปอื่นๆในบางครั้ง
หลวงปู่กุหลาบท่านเป็นประธานพิธีปลุกเสกพระเครื่องพิธีใหญ่ๆในจังหวัดนนทบุรีในยุคราวปีพ.ศ. 2500 เกือบทั้งสิ้น อาทิ การสร้างเหรียญทุกรุ่นของหลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง ทั้ง "บล็อกเอื่อม" , "บล็อกเอี่ยม" , "ข้าวหลามตัดยันต์เล็ก /ยันต์ใหญ่" เป็นต้น
บางพิธีปลุกเสกพระเครื่องนั้น หลวงปู่กุหลาบนั่งถัดจากหลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง เพียงไม่กีรูปเท่านั้น โดยท่านได้รับมอบตำราการทำผงพุทธคุณ ตะกรุด และยันต์ต่างๆของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง มาจากหลวงปู่กลิ่น เมื่อวันที่27 ตุลาคม พ.ศ.2489 ถัดมาอีกปีหลวงปู่กลิ่นท่านก็ละสังขาร
ตำราอีกเล่มที่มีความสำคัญมากคือ ตำราปลุกเสกหนุมานของหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน ที่หลวงปู่กุหลาบได้ไปร่ำเรียนมา และตำราอื่นๆอีกเช่น ตำราหลวงพ่อต่วน วัดละหาร, ตำราหลวงพ่อช่วง วัดบางแพรกใต้ ฯลฯ
หลวงปู่กุหลาบท่านรับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่สว่างอารมณ์ในปีพ.ศ.2472 ซึ่งในขณะนั้น วัดใหญ่สว่างอารมณ์ยังเป็นวัดเล็กๆ ในต่างจังหวัดที่รอการพัฒนา โดยท่านตัดสินใจละทิ้งยศฐาบรรดาศักดิ์จากกรุงเทพฯ ซึ่งหากท่านยังอยู่วัดอนงค์ ก็ต้องได้ดำรงยศฐาบรรดาศักดิ์ในชั้นสูงต่อไปอย่างแน่นอน แต่ท่านก็เลือกมาตรากตรำพัฒนาวัดใหญ่สว่างอารมณ์ จน ความเจริญรุ่งเรือง โดยมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ ตลอดจนเกจิฯ ชื่อดังในยุคนั้นแวะมาเยี่ยมเยียนเป็นประจำ อาทิ สมเด็จพระสังฆราช และหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ฯลฯ
ด้านสมณศักดิ์ ปี2489 เป็นพระครูชั้นโทในราชทินนาม "พระครูนันทาภิวัฒน์" ปี2492 เลื่อนเป็นชั้นเอกในราชทินนามเดิม จากนั้นวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2500 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ "พระนันทวิริยาจารย์"
ในการสร้างพระเครื่องนั้น ท่านสร้างไว้มากมายหลายรุ่น ที่พบเห็นบ่อยๆ ก็จะเป็นพระลอย , เหรียญรุ่นต่างๆ และพระนาคปรกใบมะขาม ซึ่งท่านมักจะลงเหล็กจารเล็กๆ ไว้ที่ด้านหลังขององค์พระ ซึ่งรอยจารที่ปรากฏนั้นมีขนาดเล็กมาก (พระปรกใบมะขาม ท่านบรรจุอักขระจารไว้ถึง 4 ตัวอักษร)
ขณะที่ท่านจารอักขระ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ท่านมิได้มองเหรียญแต่อย่างใด ท่านจะปรกหลับตาเฉยๆ เหล็กจารก็อยู่นิ่งๆ แต่เกิดเป็นรอยจารที่มีเส้นที่คมแน่วแน่ ไม่สั่นคลอน แสดงให้เห็นถึงกสิณที่ไม่ธรรมดา
วัตถุมงคลของท่านมีทั้งหมดเพียง 15 รุ่น แต่ละรุ่น หายากบ้าง ง่ายบ้างแล้วแต่ความนิยมและประสบการณ์ มีมูลค่าตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักหมื่น แต่กล่าวขานกันว่า มีพุทธคุณดีครบเครื่องทุกรุ่น
วาระสุดท้ายหลวงปู่กุหลาบ ท่านมรณภาพด้วยอาการสงบ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2519 สิริอายุ76 ปี
สำหรับศิษย์เอกผู้สืบทอดพุทธาคมของท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังในปัจจุบันก็คือ พระนันทวิริยาจารย์ หรือ"หลวงพ่ออ่าง สิริจนฺโท เจ้าคณะตำบลอ้อมเกร็ด เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันวัดใหญ่สว่างอารมณ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พระเกจิผู้คงแก่เรียนวิชาอาคมและยังเป็นศูนย์รวมตำราสรรพวิชาต่างๆในสายเกจิจังหวัดนนทบุรีไว้มากที่สุด อาทิ ตำรา"หลวงปู่สุ่น วัดศาลากุน,หลวงปู่เอี่ยม วัดสพานสูง,หลวงปู่ช่วง วัดบางแพรกใต้ ฯลฯ ซึ่งท่านได้รีบมอบจากหลวงปู่กุหลาบให้เก็บรักษาไว้
อีกทั้งเป็นพระสงฆ์นักพัฒนาช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด
Comments