"หลวงพ่อชิต เตชธัมโม" เกจิวัดบ้านสนวน
เจ้าตำรับ"ไม้ครู-มีดหมอ"พุทธคุณเข้มขลัง
ศิษย์ปู่อั๊บวัดท้องไทร/สายวิทยาคมเขมร-ลาว
ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ร่วมเผยแพร่ประวัติเกียรติคุณของพระครูวิชัยธรรมาภินันท์ หรือ"หลวงพ่อชิต เตชธัมโม" อายุ 67 ปี พรรษาที่ 49 วัดบ้านสนวน ต.โพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ พระดีเกจิดังแห่งดินแดนอีสานใต้ เจ้าตำรับไม้ครู-มีดหมอที่เข้มขลังด้วยพุทธคุณ
พื้นเพท่านเป็นคนบ้านสนวน ต.โพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษแต่กำเนิด เกิดเมื่อปีพ.ศ.2500 ท่านบวชสามเณรเมื่อปี 2518 ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนธรรมะตลอดมา ต่อมาปีพ.ศ.2520 ได้เข้าอุปสมบทและจำพรรษาที่วัดบ้านศรีสะอาด จนกระทั่งได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านศรีสะอาดอยู่หลายปี โดยฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่บุญมา(พระครูสารกิจวิมล) วัดระหาร อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ศึกษาเล่าเรียนธรรมะ และวิชาอาคม โดยหลวงปู่บุญมาแนะนำให้ไปศึกษาเล่าเรียนกับหลวงปู่คูณ วัดโคกโพน, หลวงปู่ปริง วัดอังกุล หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง 3เกจิดังแก่งเมืองขุขันธ์ ศรีสะเกษ
ท่านได้ศึกษาวิชาจนแตกฉาน ทั้งตัวธรรมเขมร ธรรมขอม ธรรมลาว วิทยาคมด้านต่างๆ ท่านเป็นพระที่ชอบการเรียนรู้อยู่เสมอจนเป็นที่ยอมรับในสายบรมครูว่า ท่านเก่งและเรียนได้เร็ว ท่านได้ปลีกตัวเก็บตัวเงียบศึกษาธรรมะในป่าช้าวัดบ้านศรีสะอาดอยู่แรมปีก่อนสละตำแหน่งเจ้าอาวาสออกธุดงค์เข้าป่าเขมรแถวๆเขาพนมกุเลน ภูตะแบก เพื่อไปศึกษาธรรมะและแสวงหาครูบารอาจารย์
หลวงพ่อชิตท่านยกครูเรียนวิชาอาคมทั้งฆราวาสผู้เรืองเวทย์ และอาจารย์พระอริยสงฆ์ผู้มีวิชาอาคม ศึกษาวิชาสมุนไพรโบราณ วิชาต่อดวงชะตา วิชาต่อกระดูก วิชาต่างๆตามเส้นทางที่ท่านธุดงค์ผ่าน เมื่อพบอาจารย์ที่มีวิชาสายไหน ท่านก็ยกครูขอศึกษามาเพื่อช่วยคน ท่านออกธุดงค์ไปตามชายแดนเขมรเข้ามาประเทศไทยที่จังหวัดสระแก้วแล้วไปจำพรรษาอยู่ที่จันทบุรี ฝากตัวเป็นศิษย์กับเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ในแถบนั้น ขึ้นลงระยอง สระแก้ว จันทบุรีอยู่นานหลายปีจึงตัดสินใจกราบลาอาจารย์ไปศึกษาธรรมะที่ภาคใต้
ท่านได้ไปศึกษาที่เขาอ้อ และได้เดินทางข้ามไปยังประเทศเพื่อบ้านมาเลเชีย ไปศึกษาธรรมะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับผู้เรืองวิทยาคมในแถบนั้น ท่านธุดงค์ไปจนสุดแผ่นดินจึงกลับมาที่จันทบุรี ธุดงค์เข้าสระบุรีมากราบรอยพระพุทธบาท แล้วธุดงค์เข้ากาญจนบุรีเข้าไปในป่าลึก และได้พบกับหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร จึงติดตามไปจำพรรษาที่นครปฐมอยู่ 7 พรรษา โดยศึกษาเล่าเรียนและแลกเปลี่ยนสรรพวิชากับหลวงปู่อั๊บเพื่อไว้ช่วยรักษาคน
ท่านได้ออกธุดงค์ไปศึกษาวิชากับพระอีกรูปเป็นคนกะเหรียงซึ่งไปเรียนวิชาต่างๆที่ประเทศพม่ามา ท่านเล่าว่า ของพม่านี้แรง มากๆ ท่านไม่เคยเจอวิชาแบบนี้มาก่อน จากนั้นท่านธุดงค์ขึ้นเหนือไปจนถึงฝั่งลาวและเข้าไทยที่จ.อุบลราชธานี แล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดศรีสะอาดอีก 3 เดือนจึงออกธุดงค์อีกครั้งไปถึงเชียงใหม่ในเวลา 3 เดือน โดยศึกษาเล่าเรียนไปตามทางที่ธุดงค์ผ่าน แล้วกลับมาจำพรรษากับหลวงปู้อั๊บที่วัดท้องไทรอยู่หลายพรรษา โดยหลวงปู่อั๊บและคนเก่าแก่แถวๆนั้นเรียกท่านว่า"พระอ้วน"
ปีพ.ศ. 2532-2533 ท่านกราบลาหลวงปู่อั๊บ กลับมาก่อตั้งสำนักสงฆ์โคกไทร ช่วงแรกมีเพียงกระท่อมไม้ไผ่อยู่กลางทุ่งนา กลางป่าไผ้ เป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ โยมแม่ของท่านได้เอาที่นาอีกฝังของวัดเพื่อแลกกับที่ตั้งสำนักสงฆ์อยู่ให้ท่านก่อตั้งเป็นวัดบ้านสนวนสืบมาจนถึงบัจจุบันนี้
หลวงพ่อชิตมีวัตรปฎิบัติที่งดงาม เป็นที่เลื่อมใส่ศรัทธาของชาวบ้านในแถบนั้น ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เรียบง่าย เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา แม้จะมีวิชาอาคมหลากหลายด้าน แต่ท่านก็ไม่เคยโออวดหรือต้องการมีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะท่านเน้นการสร้างวัดพัฒนาจิตใจผู้คนเป็นสำคัญ
ในด้านวัตถุมงคล ท่านนำวิชาความรู้สายต่างๆมาจัดสร้างและปลุกเสกอย่างเข้มขลังจนเกิดประสบการณ์มากมาย ทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย แก้และกันคุณไสยต่างๆนานาเป็นที่โจษขานร่ำลือ โดยเฉพาะ"ไม้ครู"และมีดหมอที่ได้รับความนิยมสูง
Comments