top of page
ค้นหา

“หลวงพ่อเฉลิม ผลปัญโญ” วัดพวงนิมิต เกจินักพัฒนา "เทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์" ศิษย์พุทธาคม"หลวงปู่ทอง"

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

“หลวงพ่อเฉลิม ผลปัญโญ” วัดพวงนิมิต

เกจินักพัฒนา "เทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์"

ศิษย์พุทธาคม"หลวงปู่ทอง"วัดสระแก้ว

“พระครูวินิตปัญญาคุณ” หรือ “หลวงพ่อเฉลิม ผลปัญโญ” เจ้าคณะตำบล เขาสามสิบ และเจ้าอาวาสวัดพวงนิมิต บ้านพวงนิมิต ต.พวงนิมิต อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ชาวเมืองสระแก้ว ให้ความเลื่อมใสศรัทธา และรู้จักชื่อเสียงเป็นอย่างดี ท่านเป็นศิษย์เอกของพระครูรัตนสราธิคุณ หรือ”หลวงปู่ทอง รัตนสาโร” อดีตเกจิอาคมขลังแห่งวัดสระแก้ว พระอารามหลวง

หลวงพ่อเฉลิมปัจจุบันอายุ 79 ปี 55 พรรษา (ตามบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านระบุวันเดือนปีเกิดตรงกับวันที่ 28 ม.ค. 2487 แต่จากการเทียบกับปฏิทิน100ปีตรงกับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2489 ปีระกา) ชาติภูมิท่านเป็นชาวบ้านหนองปรือ อ.เมือง จ.สระแก้ว วัยเยาว์มีอุปนิสัยใฝ่ในทางธรรม โดยบวชเรียนเป็นสามเณรตั้งแต่เล็ก บางครั้งต้องสึกออกมาช่วยดูแลครอบครัวเนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี

เมื่ออายุเข้าวัยเกณฑ์ทหารได้ไปทำหน้าที่รับใช้ชาติ หลังปลดประจำการได้กลับมาช่วยครอบครัวตอบแทนคุณบิดามารดาจนมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นตามลำดับ ถึงปีพ.ศ.2512อายุ 23 ปีได้เข้าอุปสมบทที่วัดสระแก้ว พระอารามหลวง โดยมีพระครูรัตนสราธิคุณ (หลวงปู่ทอง รัตนสาโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูนิมิตธรรมคุณ (พระครูมี) วัดถ้ำเขาฉกรรจ์ เป็นพระกรรมวาจารย์ ได้ฉายาว่า “ผลปัญโญ”

ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากหลวงปู่ทอง วัดสระแก้ว ซึ่งในยุคนั้นเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย โดยหลวงพ่อเฉลิมเป็นศิษย์ผู้น้องของหลวงปู่สนธิ์ วัดทุ่งพระ (มรณภาพแล้วเมื่อปี2560) โดยอยู่เรียนสรรพวิชาจากหลวงปู่ทองนานเกือบ 7 ปีจนมีวิชาความรู้แตกฉาน ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ

สำหรับวัดพวงนิมิต หรือเดิมที่ชาวบ้านเรียกว่า “วัดหนองอีพวง” เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์ ในสมัยก่อนเป็นพื้นที่ป่ารกร้าง ต้นไม้ขึ้นปกคลุม มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ชาวบ้านได้นิมนต์”หลวงตาช่วย” ไม่ทราบฉายา มาจำพรรษาอยู่ประมาณ 3 ปี จากนั้นท่านย้ายไปอยู่ที่วัดอื่น ต่อมา”หลวงพ่อทองปน” ปกครองดูแลวัดต่ออีก 4 ปีก็ลาสิกขาไป ทำให้วัดหนองอีพวงขาดผู้ดูแล ชาวบ้านจึงนิมนต์ หลวงปู่เฉลิมมาจำพรรษาในปีพ.ศ.2518

ในช่วงแรกที่จำพรรษาที่วัดนี้ ได้เดินทางไปศึกษาพุทธาคมต่างๆกับ”พระครูมี” วัดถ้ำเขาฉกรรจ์ เกจิอาคมขลังอีกองค์หนึ่ง โดยเฉพาะทางด้านหนังเหนียว อยู่ยงคงกระพันชาตรี ป้องกันศาสตราวุธต่างๆ อีกทั้งได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จาก”หลวงปู่เส็ง ยโสธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดสระแก้ว

ต่อมา ท่านได้ออกธุดงค์ไปหลายสถานที่ตามชายแดนเพื่อเรียนวิชาเพิ่มเติม โดยได้ศึกษา วิทยาคมและวิชาเกี่ยวกับโหราศาสตร์จากอาจารย์ที่เป็นฆราวาสหลายท่าน อาทิ อาจารย์เสริม จอมขมังเวท

ช่วงที่เกิดสงครามในประเทศกัมพูชาเขมรแดงไล่ฆ่ากันเองยิงปืนใหญ่มาตกตามแนวชายแดนไทยทำให้ประชาชนชาวไทยเดือดร้อนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก และที่บ้านซับตาลี อ.คลองหาด จ.สระแก้ว มีการยิงปืนใหญ่มาตกเป็นจำนวนมาก มีผู้มีอาคมเก่งกล้าคนหนึ่งชื่อ “อาจารย์คำหมี” สามารถเสกให้ลูกปืนใหญ่ไปตกที่อื่นได้

ทุกครั้งที่มีการสู้รบกันชาวบ้านทั่วทุกทิศจะไปรวมตัวกันที่บ้าน อ.คำหมี แม้จะมีการสู้รบหนักขนาดไหน ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ลูกปืนใหญ่จะตกเข้ามาใกล้บริเวณบ้าน อ.คำหมี เป็นที่เรื่องลือไปทั่ว จ.สระแก้ว เมื่อข่าวรู้ถึงหลวงพ่อเฉลิม ท่านได้เดินทางไปจนเห็นกับตาตัวเอง จึงเกิดความเลื่อมใสขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาจนสำเร็จ

หลวงพ่อเฉลิมได้พัฒนาวัดหนองอีพวง จากวัดเล็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่กันดารให้มีความเจริญ และเปลี่ยนชื่อป็น “วัดพวงนิมิต” ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.2533 พ.ศ.2519 ท่านนำประชาชนร่วมกันก่อสร้างอาคารชั่วคราว 2 ห้องเรียน ทำด้วยไม้ มุงด้วยสังกะสี ไม่มีฝา พื้นไม่ได้เทคอนกรีต ค่าก่อสร้างประมาณ 30,000 บาท บนพื้นที่ 13 ไร่ 3 งาน 75 ตารางวา โดย นายบุญ ทองประเสริฐ เป็นผู้มอบที่ดินให้

ต่อมาในปี พ.ศ.2525 ได้มีผู้บริจาคที่ดินเพิ่มขึ้นอีก รวมมีเนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา และเมื่อปี พ.ศ.2527 โรงเรียนได้งบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน จำนวน 1 หลัง 4 ห้องเรียน ท่านร่วมกับชาวบ้านบริจาคเงิน ขอซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1 ไร่ 1 งาน 1 ตารางวา เนื่องจากเห็นว่าบริเวณโรงเรียนคับแคบ ไม่เหมาะสมที่จะสร้างอาคารเรียน จึงจัดซื้อที่ดินทางทิศตะวันออกเพิ่ม รวมมีเนื้อที่ 15 ไร่ 3 งาน 76 ตารางวา ให้เป็นสถานที่ศึกษาของเด็กบ้านพวงนิมิต ไม่ต้องเดินทางไปเรียนไกลๆ นอกหมู่บ้าน ซึ่งเด็กๆ ที่จบจากโรงเรียนวัดพวงนิมิต ได้ไปศึกษาต่อในสถานที่การศึกษาต่างๆ จนสำเร็จการศึกษาและได้กลับมาร่วมพัฒนาพื้นที่จนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

หลวงพ่อเฉลิม นอกจากเป็นพระนักพัฒนาแล้ว ท่านยังเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ในแต่ละวันจึงมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เสริมความเป็นสิริมงคลอย่างไม่ขาดสาย ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในศีลธรรม จะคอยอบรมลูกศิษย์อย่าประมาทในศีล เป็นสมณะต้องมักน้อยสันโดษ เป็นอยู่ง่ายๆ กินแต่น้อย ไม่สะสมทรัพย์สิ่งของ

วัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมจากบรรดาคณะศิษย์ มีหลายชนิด มงคลวัตถุของท่านสร้างด้วยความพิถีพิถันเป็นพิเศษทุกขั้นตอน สร้างด้วยความตั้งใจจริง มิได้สร้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ทำให้เป็นที่ต้องการขอศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก แต่ละรุ่นสร้างจำนวนไม่มาก จึงเป็นสิ่งล้ำค่าและหายากยิ่ง

วัตถุมงคลรุ่นหลักๆของท่านมีดังนี้ 1.พระรุ่นแรกเป็นพระเนื้อแร่ดินผสมว่าน มีทั้งหมด 7 พิมพ์ เริ่มสร้างเมื่อปีพ.ศ.2519 จนถึงปีพ.ศ.2523 (ประมาณหลักพันองค์บรรจุกรุไว้ ทำพิธีครั้งที่2 เปิดกรุเมื่อปีพ.ศ.2556 พระโดนความชื้นจนชำรุดมาก 2.เหรียญรุ่นแรกเป็นเหรียญเล็ก เนื้อทองแดง พิมพ์พระพุทธ ด้านหลังเป็นพานรองรับลูกนิมิต ระบุปีพ.ศ.2530

3.พระกริ่งรุ่นแรก รูปเหมือนลอยองค์อุดด้วยแก่นมะขาม เนื้อทองเหลืองรมดำ ปี2531

4.เหรียญพระพุทธปางมารวิชัย รุ่นยกช่อฟ้าอุโบสถ ปี2533 เนื้อทองเหลือง 5.พระสมเด็จ9ชั้น เนื้อผงพุทธคุณ ปี2535-2538 มี 2 พิมพ์ เนื้อหลายวรรณะ 6.พระรูปเหมือน พิมพ์หยดน้ำ เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2540

7.เหรียญฉลองพัดยศเจ้าคณะตำบล ปี2546 พิมพ์รูปไข่ เนื้อทองแดงรมดำ สร้างประมาณหลักพัน บล็อกแตก

8.พระผงชุดจตุคาม รุ่น “สิทธิมโนสำเร็จที่ใจ” ปี2551 9.พระชุดปิดทองฝังลูกนิมิตปี2555 ประกอบด้วยพระกริ่งรุ่น2 (มีเนื้อเงิน 108 องค์) เหรียญรูปเหมือนพิมพ์เล็ก ด้านหลังพานลูกนิมิต อุณาโลม เหมือนรุ่นแรกปี2530

10.เหรียญกลมปี2559 รูปไข่เนื้อทองเหลือง ด้านหน้าพญานาคคู่หลวงพ่อเฉลิม ด้านหลังมีพญาไก่เฝ้าดูแลไข่ หมายถึงผู้อุปถัมภ์ค้ำชู สนับสนุนไม่ให้ชีวิตตกต่ำ ดูแลป้องกันภัยให้ชีวิตมีความสุขอบอุ่นประดุจบิดามารดาดูแลบุตร

ประสบการณ์จากวัตถุมงคลของหลวงปู่เหลิมนั้นมีมากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเมตตาค้าขาย แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี มหาอุดหยุดปืน หน่วยทหารที่จะลงไปปฏิบัตหน้าที่ใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องนิมนต์ท่านไปประพรมน้ำพระพุทธมนต์และแจกวัตถุมงคลเป็นขวัญและกำลังใจ ส่วนหน่วยงานราชการมักจะมาขอให้เป็นที่ปรึกษาพิธีการด้านศาสนา งานวางศิลาฤกษ์ ตั้งศาล ดูฤกษ์งามยามดี ฯลฯ


 
 
 

コメント


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page